Kim Jae Joong
ชื่อในวงการ :. Hero (Young Woong)
ตำแหน่ง :. นักร้องนำ (Main Vocal)
วันเกิด :. 26 มกราคม 1986
ส่วนสูง :. 180 ซ.ม.
น้ำหนัก :. 63 ก.ก.
ขนาดรองเท้า :. 275 มม.
กรุ๊บเลือด :. O
บ้านเกิด :. Choong
ที่อยู่ :. กรุงโซล
งานอดิเรก :. ฟังเพลง, เล่นเกมส์คอมพิวเตอร์, เล่นเวท
ความสามารถพิเศษ :. ร้องเพลง, ทำอาหาร , อดหลับอดนอนได้.. เดิน เล่น แล้วก็เกม 3.6.9
นิสัยส่วนตัว :. เรียบร้อย, รักความสะอาด, พูดตรงไปตรงมา
ชีวิตที่ยิ่งกว่านิยาย ของผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในศิลปินกลุ่ม
ที่โด่ง
ดังที่สุดในเอเชีย
"คิม แจจุง" แห่งวง ดงบังชินกิ หรือปัจจุบัน JYJ
"คิม แจจุง" แห่งวง ดงบังชินกิ หรือปัจจุบัน JYJ
เมื่อเด็กหนุ่ม วัย 15 ปีเดินทางจากบ้านเกิดเพื่อมาแสวงหาความฝันให้เมืองหลวง
เค้าไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้มาก่อน เมืองที่น่าตื่นตาตื่นใจ ถนนที่วุ่นวาย เค้ารู้สึกเหมือนหัวใจเค้าอ่อนแรง เพราะถูกใช้งานหนักเหลือเกิน ... จริงหรือ? ที่เค้าจะเจอสถานที่ที่พอจะใช้อาศัยได้ในเมืองใหญ่นี่ เด็กหนุ่มยั้งคิด..
แต่... ความฝันในจิตใจเค้ายังไม่ตาย ถ้าเค้ากลับบ้านทั้งแบบนี้ เค้าจะไม่มีวันให้อภัยความขี้ขลาดของตัวเองแน่ โดยไม่ต้องการความช่วยเหลือ จากใคร ในที่สุด เด็กหนุ่มก็เจออพาตเม้นท์ข้างๆโรงงานปลาทูน่ากระป๋องที่ที่เค้าจะ เรียกมันว่าบ้าน..
เค้าไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้มาก่อน เมืองที่น่าตื่นตาตื่นใจ ถนนที่วุ่นวาย เค้ารู้สึกเหมือนหัวใจเค้าอ่อนแรง เพราะถูกใช้งานหนักเหลือเกิน ... จริงหรือ? ที่เค้าจะเจอสถานที่ที่พอจะใช้อาศัยได้ในเมืองใหญ่นี่ เด็กหนุ่มยั้งคิด..
แต่... ความฝันในจิตใจเค้ายังไม่ตาย ถ้าเค้ากลับบ้านทั้งแบบนี้ เค้าจะไม่มีวันให้อภัยความขี้ขลาดของตัวเองแน่ โดยไม่ต้องการความช่วยเหลือ จากใคร ในที่สุด เด็กหนุ่มก็เจออพาตเม้นท์ข้างๆโรงงานปลาทูน่ากระป๋องที่ที่เค้าจะ เรียกมันว่าบ้าน..
SM Entertainment ค่ายเพลงที่ใหญ่ที่สุด ได้จัดให้มีการการแข่งร้องเพลงเป็นครั้งที่ 2 เด็กหนุ่มไปที่ล๊อบบี้บริษัท เค้าเห็นเด็กผู้ชายอีกหลายๆคน ที่เหมือนกับเค้าที่หวังว่าตัวเองจะถูกเลือกจากการแข่งครั้งนี้ และจะสามารถเป็นนักร้องที่ประสบความสำเร็จได้..
เด็กผู้ชายพวกนั้นต่างแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ดูดีที่สุด ทุกคนฟัง mp3 และซ้อมร้องเพลงของตัวเอง เค้าก้มมองดูตัวเอง....เสื้อยืดสีเทาและกางเกงยีนส์ ......ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเค้าแพ้ไปแล้วกว่าครึ่งเลยทีเดียว
แจจุงเป็นผู้เข้าประกวดหมายเลข 12 และเมื่อถูกเรียก เค้าก็เข้าห้องไปเจอกรรมการที่ดูไร้ความรู้สึก 5 คน..
ทำเอารู้สึกประสาทกินเลยทีเดียว...
และเมื่อกรรมการสั่งให้เค้าร้องเพลง เสียงของเค้าก็โดนใจทุกๆคนในห้อง มันเป็นเสียงที่ไม่มีการปรุงแต่ง
นุ่มนวล เศร้าศร้อย และดูอ่อนแรง ทำให้คุณจะอยากฟังเสียงของเค้าไปเรื่อยๆ
แต่เหตุผลที่ทำให้เค้าชนะการแข่งครั้งนี้ ก็เพราะเค้ามีใบหน้าที่ไร้ตำหนิ ผิวขาวเหมือนหิมะที่สมบูรณ์แบบ
ขนตาที่ยาว ดวงตาโตชุ่มฉ่ำ ส่วนประกอบต่างๆที่ทำให้ดูน่ารักยื่งกว่าเด็กผู้หญิง!!
เหล่ากรรมการต่างบอกว่าเค้ามีใบหน้าที่เกิดมาเพื่อวงการบันเทิงโดยเฉพาะ จากนั้นเค้าได้เซ็นสัญญากับ SM เป็นเวลา 7 ปี แต่ระหว่างปีที่ฝึกเค้าจะต้องจ่ายค่าเรียนเต้นและเรียนร้องเอง
เด็กผู้ชายพวกนั้นต่างแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ดูดีที่สุด ทุกคนฟัง mp3 และซ้อมร้องเพลงของตัวเอง เค้าก้มมองดูตัวเอง....เสื้อยืดสีเทาและกางเกงยีนส์ ......ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเค้าแพ้ไปแล้วกว่าครึ่งเลยทีเดียว
แจจุงเป็นผู้เข้าประกวดหมายเลข 12 และเมื่อถูกเรียก เค้าก็เข้าห้องไปเจอกรรมการที่ดูไร้ความรู้สึก 5 คน..
ทำเอารู้สึกประสาทกินเลยทีเดียว...
และเมื่อกรรมการสั่งให้เค้าร้องเพลง เสียงของเค้าก็โดนใจทุกๆคนในห้อง มันเป็นเสียงที่ไม่มีการปรุงแต่ง
นุ่มนวล เศร้าศร้อย และดูอ่อนแรง ทำให้คุณจะอยากฟังเสียงของเค้าไปเรื่อยๆ
แต่เหตุผลที่ทำให้เค้าชนะการแข่งครั้งนี้ ก็เพราะเค้ามีใบหน้าที่ไร้ตำหนิ ผิวขาวเหมือนหิมะที่สมบูรณ์แบบ
ขนตาที่ยาว ดวงตาโตชุ่มฉ่ำ ส่วนประกอบต่างๆที่ทำให้ดูน่ารักยื่งกว่าเด็กผู้หญิง!!
เหล่ากรรมการต่างบอกว่าเค้ามีใบหน้าที่เกิดมาเพื่อวงการบันเทิงโดยเฉพาะ จากนั้นเค้าได้เซ็นสัญญากับ SM เป็นเวลา 7 ปี แต่ระหว่างปีที่ฝึกเค้าจะต้องจ่ายค่าเรียนเต้นและเรียนร้องเอง
ซึ่งขณะนั้นแจจุงรู้ดีว่าฐานะทางบ้านของเค้าไม่ค่อยสู้ดีนัก ดังนั้นเค้าจึงไม่เคยขอเงินจากพ่อแม่เลยซักกะแดงเดียว..
ทุกวัน เค้าจะต้องวิ่งโร่ทำงาน 3 อย่าง..ในเวลาที่คนอื่นๆยังคงมีความสุขอยู่บนเตียงนอน เค้าจะต้องขี่จักรยานคันเก่าๆไปส่ง นสพ. บ้านแล้วบ้านเล่า
ใน ตอนบ่ายเค้าจะต้องทำงานก่อสร้าง ใบหน้าที่งดงามจะต้องถูกปกคลุมด้วยซีเมนต์และสิ่งสกปรก ต่อจากนั้นเค้าก็จะเข้าห้องฝึก ซึ่งเค้าจะต้องพยายามอย่างหนัก เพราะอยากจะเป็นที่ถูกใจของคนที่อยู่เบื้องบน
ตกเย็นเค้าก็ต้องไปทำงานต่อที่ร้านอาหารซึ่งอยู่ไกล โดยที่เค้าต้องยอมเดินกว่า 3 ชม.ทุกๆวัน (ขอย้ำอีกครั้งว่าเค้าเดินอ่ะพี่น้อง) เพื่อประหยัดค่ารถ..
แทบไม่น่าเชื่อเลยว่านี่คือสิ่งที่เด็กอายุ 15 ต้องเผชิญ กว่า 2 ปี เพื่อที่จะก้าวไปสู้ชีวิตที่สาดส่องด้วยแสงสว่าง
เมื่อเค้าได้ค่าแรงมา อย่างแรกที่แจจุงจะทำคือ จ่ายค่าเรียน แต่เงินที่เหลือจากนั่นเกือบไม่พอสำหรับค่าอาหารหรือซื้อเสื้อผ้า..
ในที่สุด วันหนึ่ง เค้าก็ค้นพบว่า เค้าไม่มีเงินเหลือพอสำหรับค่าอาหารอีกแล้ว หลังจาก 2 วันของความหิวโหย ร่างกายเค้าก็อ่อนแรง
แต่ถึงอย่างนั้น เค้าก็ยังคงไปทำงาน ไปฝึก และไปทำงานที่ร้านอาหารในตอนดึก ระหว่างที่เค้าทำความสะอาดร้านอยู่นั้น เค้าก็เห็นชามบะหมี่ของลูกค้าที่กินเหลือไว้ น้ำซุปนั้นยังร้อนๆอยู่เลย ด้วยความหิวเค้าจึงยกมันขึ้นมาซดและกินเส้นที่เหลืออยู่ทั้งน้ำตา
ทุกวัน เค้าจะต้องวิ่งโร่ทำงาน 3 อย่าง..ในเวลาที่คนอื่นๆยังคงมีความสุขอยู่บนเตียงนอน เค้าจะต้องขี่จักรยานคันเก่าๆไปส่ง นสพ. บ้านแล้วบ้านเล่า
ใน ตอนบ่ายเค้าจะต้องทำงานก่อสร้าง ใบหน้าที่งดงามจะต้องถูกปกคลุมด้วยซีเมนต์และสิ่งสกปรก ต่อจากนั้นเค้าก็จะเข้าห้องฝึก ซึ่งเค้าจะต้องพยายามอย่างหนัก เพราะอยากจะเป็นที่ถูกใจของคนที่อยู่เบื้องบน
ตกเย็นเค้าก็ต้องไปทำงานต่อที่ร้านอาหารซึ่งอยู่ไกล โดยที่เค้าต้องยอมเดินกว่า 3 ชม.ทุกๆวัน (ขอย้ำอีกครั้งว่าเค้าเดินอ่ะพี่น้อง) เพื่อประหยัดค่ารถ..
แทบไม่น่าเชื่อเลยว่านี่คือสิ่งที่เด็กอายุ 15 ต้องเผชิญ กว่า 2 ปี เพื่อที่จะก้าวไปสู้ชีวิตที่สาดส่องด้วยแสงสว่าง
เมื่อเค้าได้ค่าแรงมา อย่างแรกที่แจจุงจะทำคือ จ่ายค่าเรียน แต่เงินที่เหลือจากนั่นเกือบไม่พอสำหรับค่าอาหารหรือซื้อเสื้อผ้า..
ในที่สุด วันหนึ่ง เค้าก็ค้นพบว่า เค้าไม่มีเงินเหลือพอสำหรับค่าอาหารอีกแล้ว หลังจาก 2 วันของความหิวโหย ร่างกายเค้าก็อ่อนแรง
แต่ถึงอย่างนั้น เค้าก็ยังคงไปทำงาน ไปฝึก และไปทำงานที่ร้านอาหารในตอนดึก ระหว่างที่เค้าทำความสะอาดร้านอยู่นั้น เค้าก็เห็นชามบะหมี่ของลูกค้าที่กินเหลือไว้ น้ำซุปนั้นยังร้อนๆอยู่เลย ด้วยความหิวเค้าจึงยกมันขึ้นมาซดและกินเส้นที่เหลืออยู่ทั้งน้ำตา
และด้วยการทำงานและการฝึกซ้อมอย่างหนัก วันนึงเค้าเกิดมีไข้ขึ้นมา ทำให้เค้าต้องหยุดงานทุกอย่างและนอนพักอยู่บนห้องเล็กๆนั่นกว่า 3 วัน (เดาว่านะ นอนเฉยๆไม่ไปไหนอ่ะ) เค้ารู้สึกขอบคุณพระเจ้าที่เค้าจ่ายค่าเรียนไปแล้ว แต่การที่เค้านอนมา 3 วันมันน่าเสียดายมากทีเดียว เค้าจึงลุกขึ้นและไปทำงานที่ร้านอาหารในตอนเย็นแม้ว่าจะยังไม่หายดี
ขากลับจากร้านอาหาร เค้าเห็นบูธบริจาคโลหิต... กระเพาะของเค้าเริ่มร้องขออาหาร..เค้าจึงต้องทำในสิ่งที่เค้าไม่อยากทำอีก ครั้ง..เค้าเดินเข้าไปที่บูธนั้น ชั่วโมงกว่าๆต่อมา เค้าก็เดินออกมาพร้อมค่าตอบแทนเล็กๆน้อยๆ จากนั้นเค้าจึงไปที่ร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อแครกเกอร์ที่ถูกที่สุดกลับไป ..
ขากลับจากร้านอาหาร เค้าเห็นบูธบริจาคโลหิต... กระเพาะของเค้าเริ่มร้องขออาหาร..เค้าจึงต้องทำในสิ่งที่เค้าไม่อยากทำอีก ครั้ง..เค้าเดินเข้าไปที่บูธนั้น ชั่วโมงกว่าๆต่อมา เค้าก็เดินออกมาพร้อมค่าตอบแทนเล็กๆน้อยๆ จากนั้นเค้าจึงไปที่ร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อแครกเกอร์ที่ถูกที่สุดกลับไป ..
ในที่สุดเค้าก็ผ่าน 2 ปีอันโหดร้ายนี้มาได้
เค้าได้เดบิวต์ และถึงแม้มันจะมีเพียง 2 ซิงเกิ้ลแต่อัลบั้มของพวกเค้าก็ขึ้นสู่ที่ 1 เค้าได้รับจดหมายจากแฟนๆ แล้วเค้าก็รู้ว่า 2 ปีที่ผ่านมา มันคุ้มค่า..และปัจจุบันเค้าก็ได้เป็นทั้งนักร้อง (ที่บางครั้งแต่งเพลงเองดีกด้วย) และนักแสดงที่โด่งดังมากๆ
เค้าได้เดบิวต์ และถึงแม้มันจะมีเพียง 2 ซิงเกิ้ลแต่อัลบั้มของพวกเค้าก็ขึ้นสู่ที่ 1 เค้าได้รับจดหมายจากแฟนๆ แล้วเค้าก็รู้ว่า 2 ปีที่ผ่านมา มันคุ้มค่า..และปัจจุบันเค้าก็ได้เป็นทั้งนักร้อง (ที่บางครั้งแต่งเพลงเองดีกด้วย) และนักแสดงที่โด่งดังมากๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น